iPad Air กับ iPad Pro ต่างกันยังไง เลือกซื้อรุ่นไหนดีกว่ากัน

14/09/2025
หมวดหมู่ : Article
ipad-air-vs-ipad-pro-difference

iPad Air กับ iPad Pro ต่างกันยังไง เปรียบเทียบความต่าง แบบไหนดีกว่ากัน

อยากได้ iPad มาจดโน้ต ทำการบ้าน ทำงาน แต่ก็อยากได้ iPad ที่ใช้งานด้านกราฟิกหรือเล่นเกมลื่นไหลด้วย ซึ่ง iPad Air และ iPad Pro ก็เป็นสองรุ่นยอดฮิตที่ตอบโจทย์นั้นได้อย่างดี แต่ระหว่าง iPad Air กับ iPad Pro ต่างกันยังไง ซื้อรุ่นไหนคุ้มกว่า ในบทความนี้ UFUND จะมาบอกต่อความต่างของ iPad แต่ละรุ่น ระหว่าง iPad Air vs iPad Pro ทั้งเรื่องของสเปกการใช้งาน ขนาด และอื่น ๆ รวมถึงราคา เพื่อเป็นตัวเลือกซื้อ iPad รุ่นที่ตอบโจทย์ความต้องการที่สุด
 

1. ระบบประมวลผล

ชิป

หากถามความต่างระหว่าง iPad Air กับ Pro ต่างกันยังไง? สิ่งที่ต้องพูดถึงเป็นอันดับแรก คือ ‘ชิปประมวลผล’ เพราะชิปประมวลผลเป็นหัวใจหลักที่ส่งผลต่อการทำงานของเครื่อง iPad โดยตรงเลยก็ว่าได้ ซึ่ง iPad Air และ iPad Pro ในปัจจุบันต่างใช้ชิปซีรีส์ M ที่เรียกได้ว่า “แรง” และ “เร็ว” ไม่รู้สึกหงุดหงิดเวลาใช้งานแน่นอน 

โดย iPad Air รุ่นใหม่ล่าสุดใช้ชิป M3 ที่ใช้งานทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรองรับการใช้งานด้านกราฟิกระดับหนึ่ง เหมาะกับนักเรียนหรือนักศึกษาที่อยากมี iPad ใช้งานทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับ iPad Pro ที่ใช้ชิป M4 จะเห็นว่า iPad Pro ประมวลผลเร็วกว่า จึงเหมาะกับการใช้งานกราฟิกระดับสูงอย่างงานตัดต่อทำคลิป

นอกจากนี้แล้วก็ควรดูหน่วยความจำเครื่อง เพราะนอกจากจะส่งผลต่อปริมาณข้อมูลที่สามารถบรรจุในตัวเครื่องแล้ว ยังส่งผลต่อการประมวลผลเครื่องโดยตรงด้วย โดย iPad Air มีหน่วยความจำที่ 128 GB - 1 TB ส่วน iPad Pro มีหน่วยความจำที่ 256 GB - 2 TB

สำหรับนักเรียนหรือนักศึกษาที่อยากมีตัวช่วยให้การจดบันทึกใน iPad สนุกมากขึ้น สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ แอปจดโน้ต iPad
 

2. หน้าจอแสดงผล

หน้าจอแสดงผล iPad

สำหรับใครที่ชื่นชอบความสวยงามของภาพ ก็คงอยากรู้แน่นอนว่าการแสดงผลหน้าจอ iPad Air กับ iPad Pro ต่างกันยังไง โดย iPad Air ใช้หน้าจอ Liquid Retina ความละเอียด 2360 x 1640 มีหน้าจอสว่าง คมชัดแบบ P3 Wide Color พร้อมนวัตกรรม True Tone ทำให้หน้าจอสีสันคมชัด สวยงาม

ในส่วนของ iPad Pro จะใช้หน้าจอ Ultra Retina XDR ความละเอียด 2420 x 1668 มาพร้อม P3 Wide Color หน้าจอ True Tone และมีเทคโนโลยี Promotion ที่สามารถตอบสนองหน้าจอมากสุดถึง 120Hz จึงช่วยยกระดับความสวยงามสมจริง และเพิ่มความเร็วประมวลผลหน้าจอ เหมาะกับงานกราฟิกขั้นสูง
 

3. ขนาดหน้าจอ น้ำหนักตัวเครื่อง

ขนาด iPad

เวลาใช้งาน iPad คนส่วนมากใส่ใจเรื่องขนาดหน้าจอหรือน้ำหนักหรือตัวเครื่องมาก ๆ เพราะถ้า iPad มีขนาดหน้าจอตัวเครื่องเล็กเกินไป หรือน้ำหนักเครื่องเยอะเกินไปก็ใช้งานไม่ถนัด แต่ถ้า iPad ขนาดใหญ่เกินไปก็หยิบจับไม่ถนัด พกไปไหนมาไหนไม่สะดวก จนทำให้ไม่อยากใช้ iPad ที่ซื้อมา

สำหรับการเปรียบเทียบ iPad Pro กับ iPad Air ทั้งขนาดหน้าจอและน้ำหนักเครื่อง ในปัจจุบันทั้ง iPad Air และ iPad Pro รุ่นใหม่ล่าสุดมีขนาดเครื่องให้เลือกอยู่ 2 ขนาด คือ 11 นิ้ว และ 13 นิ้ว แต่ในเรื่องของน้ำหนัก iPad Pro จะมีน้ำหนักเบากว่า และตัวเครื่องบางกว่า iPad Air เล็กน้อย ถ้าเน้นพกพาสะดวก ใช้งานครบครัน iPad Pro จะตอบโจทย์มากกว่า แต่ถ้าอยากได้ iPad ราคาถูกลงมา iPad Air ที่มีน้ำหนักมากกว่าเล็กน้อยก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
 

4. ฟีเจอร์เสริม

ฟีเจอร์

ไม่ว่าจะเป็น iPad Air หรือ iPad Pro ต่างก็มีฟีเจอร์ที่เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน แล้วฟีเจอร์ของ iPad Pro กับ iPad Air ต่างกันยังไงนั้น ก็มีความต่างอยู่หลายจุด เช่น ตัวเชื่อมของ iPad Pro เป็นหัว USB Type-C ที่รองรับพอร์ต Thunderbolt ช่วยถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าหัว USB Type-C ปกติของ iPad Air

อีกทั้งยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น ระบบปลดล็อกหน้าจอ โดย iPad Air เป็นแบบ Touch ID บริเวณปุ่มด้านบน แต่ iPad Pro รองรับการปลดล็อกแบบ Face ID, ระบบลำโพงของ iPad Air เป็นแบบสเตอริโอแนวนอนพร้อมไมโครโฟน 2 ตัว แต่ระบบลำโพงของ iPad Pro เป็นระบบเสียงสตูดิโอ 4 ลำโพงเสียงดังชัดเจน และอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นก่อนเลือกควรดูฟังก์ชันที่เหมาะกับการใช้งานของตัวเองที่สุด
 

5. กล้อง

กล้อง

ในปัจจุบัน iPad ถูกนำมาใช้ในเวลาเรียนหรือทำงานมากขึ้น อย่างเวลาเข้าคลาสออนไลน์ ทำงาน Work From Home หรือเข้าร่วมประชุมนอกสถานที่ก็ต้องใช้กล้องที่ติดกับตัวเครื่อง ทำให้เวลาเลือกซื้อ iPad จะต้องดูเรื่องสเปกกล้องที่ iPad Air กับ iPad Pro ให้มาด้วย 

โดย iPad ทั้งสองรุ่นมีกล้องหน้าขนาด 12 MP แบบ Center Stage แนวนอนที่จะคอยติดตามใบหน้าขณะเครื่องไหวเหมือนกัน แล้วกล้อง iPad Air กับ iPad Pro ต่างกันยังไง? ความต่างคือ iPad Pro จะเพิ่มระบบ TrueDepth ให้สามารถใช้งาน Face ID ได้ และยังช่วยทำให้ภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วย

ในส่วนของกล้องหลังของ iPad ทั้งสองรุ่นก็เป็นกล้อง Wide 12 MP สามารถถ่ายวิดีโอที่มีความชัดระดับ 4K ได้เหมือนกัน แต่กล้องหลังของ iPad Pro สามารถบันทึกแบบ ProRes เก็บรายละเอียดภาพต่าง ๆ ได้อย่างคมชัด มีสีสันตรงปก เหมาะกับใช้ถ่ายงานคอนเทนต์ที่ต้องการความละเอียดของงานสูง
 

6. อุปกรณ์เสริม

อุปกรณ์เสริม iPad

นอกจากตัวเครื่องแล้ว อุปกรณ์ที่ใช้กับ iPad Air และ iPad Pro ก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อย อย่างที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานกับ iPad ตอนนี้ได้มีอยู่ 2 อย่าง คือ Apple Pencil และ Magic Keyboard แต่ทั้งสองอุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกับ iPad Pro กับ Air ต่างกันยังไงบ้าง?

เริ่มต้นที่ Apple Pencil ทั้งสองรุ่นรองรับ Apple Pencil Pro สามารถจดโน้ต วาดรูปได้อย่างเสถียรภาพเหมือนกัน แต่ Keyboard จะแยกเป็น Magic Keyboard สำหรับ iPad Pro สามารถใช้งานง่าย ใกล้เคียงกับ Keyboard ของ MacBook ส่วน iPad Air ใช้ Magic Keyboard สำหรับ iPad Air ที่ใช้งานพื้นฐานได้เพียงพอ 

ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็น iPad Air หรือ iPad Pro ก็รองรับอุปกรณ์เสริมคุณภาพสูงเหมือนกัน ถ้ามี iPad แล้วก็แนะนำว่าควรมีอุปกรณ์เสริมติดไว้เพื่อช่วยให้การเรียน การทำงานสะดวกสบายมากขึ้น
 

7. ราคา

ราคา

ราคาเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลในการเลือกซื้อ iPad ถึงแม้จะรู้ว่า iPad Air กับ iPad Pro ต่างกันยังไงบ้างแล้ว แต่ราคาของ iPad Air กับ Pro ก็ต่างกันพอสมควร อย่าง iPad Air M3 รุ่น 11 นิ้ว มีราคาเริ่มต้น 21,900 บาท แต่ iPad Pro M4 รุ่น 11 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 37,900 บาท

แล้วควรเลือกไอแพดรุ่นไหนดี? ถ้าอยากได้ iPad มาใช้งานจดโน้ต เล่นเกมเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ไม่ติดขัด แนะนำ iPad Air ที่มีฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน สามารถใช้งานในระยะยาวได้ แต่ถ้าอยากได้ iPad รุ่นที่มีสเปกสูงสุด รองรับงานตัดต่อ กราฟิกได้อย่างลื่นไหล แนะนำ iPad Pro ที่มีฟังก์ชันจัดเต็ม ช่วยยกระดับคุณภาพงานได้มากกว่า 
 

ระหว่าง iPad Air กับ iPad Pro ต่างกันยังไง เลือกซื้อ iPad ราคาผ่อนสบาย ๆ กับ UFUND

หลังจากรู้ว่า iPad Air กับ iPad Pro ต่างกันยังไงบ้างแล้ว ตอนนี้หลายคนไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือเหล่าคนวัยทำงานก็คงเลือก iPad รุ่นที่ต้องการไว้ในใจได้แล้ว ถ้าอยากซื้อ iPad ไม่ว่าจะเป็น iPad Air หรือ iPad Pro สามารถผ่อนไอแพด กับ UFUND ไม่ต้องง้อบัตร ผ่อนในราคาเริ่มต้นหลักร้อยต่อเดือน นานสูงสุด 48 เดือน สำหรับนักศึกษายังสามารถซื้อและผ่อนสินค้าได้ในราคาพิเศษอีกด้วย สามารถไปซื้อสินค้าได้ที่ Studio7, UStore by Studio7 และร้าน BaNANA IT ทุกสาขา

สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line : @ufund

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ